“Anti-Acne Peptide VS ยาฆ่าเชื้อสิว – อ่อนโยนกว่า แต่เอาอยู่จริงหรือ?”
🔍 ยาฆ่าเชื้อสิวที่หลายคนคุ้นเคย ผลิตภัณฑ์ที่หมอผิวหนังมักสั่ง มีทั้งแบบเจล โลชั่น หรือครีม เช่น
ยาฆ่าเชื้อสิวทั่วไป |
ชื่อสามัญ / ยี่ห้อที่คนรู้จัก |
Clindamycin |
Clinda-M, Clindalin, Dalacin T ฯลฯ |
Erythromycin |
Eryacne, Erythrogel |
Benzoyl Peroxide (BPO) |
PanOxyl, Brevoxyl, Benzac AC |
หลายคนคุ้นเคยกับยากลุ่มนี้ ว่าลดสิวเร็ว แต่กลับกันก็มีข้อจำกัดที่ความระคายเคือง เสี่ยง “ดื้อยา” ไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
ReDelli Acne Pro ไม่ใช้ยาพวกนี้… แต่ยังลดสิวได้?
เพราะ ReDelli ใช้ Anti-Acne Peptide (Meristoyl Hexapeptide-5) ที่…
📌 1. ลดสิวโดยไม่พึ่ง “ยาปฏิชีวนะ”
Meristoyl Hexapeptide-5 เป็นโมเลกุลเปปไทด์ที่
✅ ลดจำนวน P. acnes ได้อย่างตรงจุด
✅ ไม่ฆ่าเชื้อแบบกวาดล้าง จึงไม่ทำลายสมดุลผิว
✅ ไม่ก่อให้เกิด “ดื้อยา” แบบที่มักเกิดกับ Clinda หรือ Erythro
📌 2. ลดการอักเสบ แต่ไม่กัดผิว
เปปไทด์ตัวนี้ช่วยลดการอักเสบในระดับเซลล์โดยตรง ไม่มีอาการแสบ ลอก หรือแห้ง เหมาะมากสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือคนที่เคยแพ้ BPO
📌 3. ใช้ต่อเนื่องได้ทุกวัน
ปลอดภัยแม้ใช้ระยะยาว ไม่ทำให้ผิวบางหรืออ่อนแอลง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ “ลดสิวแบบยั่งยืน” ไม่ใช่แค่ระงับชั่วคราว
🧪 เปรียบเทียบ Anti-Acne Peptide VS ยาฆ่าเชื้อสิว
ประเด็น |
Anti-Acne Peptide |
ยาฆ่าเชื้อสิว (Clinda / BPO / Erythro) |
กลไกการทำงาน |
ยับยั้ง P. acnes+ลดการอักเสบ |
ฆ่าเชื้อสิวโดยตรง (แบคทีเรีย P. acnes) |
ความอ่อนโยนต่อผิว |
สูงมาก เหมาะกับผิวแพ้ง่าย |
ระคายเคืองง่าย แสบ ลอก แห้ง |
ผลข้างเคียง |
แทบไม่มีอาการแพ้ |
แห้ง ลอก แสบ หรือดื้อยาหากใช้ติดต่อกันนาน |
ปัญหาเรื่อง “ดื้อยา” |
ได้ ปลอดภัย (เพราะไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ) |
มี โดยเฉพาะ Clindamycin / Erythromycin |
เหมาะสำหรับผิวประเภทใด |
ทุกสภาพผิว รวมถึงผิวบอบบาง |
ผิวมันและไม่แพ้ง่าย (แต่เสี่ยงแห้งลอก) |
ใช้ระยะยาวได้หรือไม่ |
ได้ (เป็นสารออกฤทธิ์อ่อนโยนต่อโครงสร้างผิว) |
ไม่แนะนำใช้เดี่ยวนานเกิน 8-12 สัปดาห์ |